วัฒนธรรมน่าสนใจ คงไม่มีใครที่เคยพบเจอ วัฒนธรรมแปลก ที่เราจะนำเสนอในวันนี้มาดูกันว่าเป็นอย่างไร?
วัฒนธรรมน่าสนใจ หากใครได้รู้จัก วัฒนธรรมสุดหลอน และน่ากลัวนี้เชื่อว่า ถึงกับอึ้งกันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของ ชาวยาโนมามิ หากว่ามีการตายเกิดขึ้น ในหมู่บ้านชาวยาโนมามินี้ ร่างและกระดูกของผู้ตายนั้น ก็จะถูกเผาและจากนั้น ก็จะถูกนำมาทำเป็นซุปพิเศษ และจะแบ่งปันกันกิน ในครอบครัวและเครือญาติ
รวมไปถึงชาวเผ่าที้งหมด ที่อาศัยอยู่ร่วมชุมชนกัน ซึ่งจะเป็น วัฒนธรรมกินเถ้ากระดูกผู้ตาย ที่ได้มีสืบต่อจากความเชื่อ ของชาวยาโนมามิ ด้วยเหตุที่ว่าความตายนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเอง แต่ความตายนั้นเป็นฝีมือ ของหมอผีจากเผ่าที่เป็นปฏิปักษ์กัน และได้ส่งวิญญาณชั่วร้าย ให้มารังควานคนในเผ่า หากจะป้องกันไม่ให้ผีร้าย
เข้าโจมตีแล้วละก็จะต้องรีบ กำจัดร่างของเหยื่อไป และเมื่อได้มีคนตาย ชาวยาโนมามิก็จะทำศพ ด้วยการเผาแทนการฝัง ที่อาจจะใช้เวลานาน กว่าศพนั้นจะย่อยสลายไป หลังจากที่เผาศพแล้ว เขาก็จะนำเถ้ากระดูก ของผู้ตายคนนั้นๆมาแบ่งกัน ดื่มกินกันในหมู่บ้าน
โดยมีความเชื่อกันว่า เป็นการรักษาจิตวิญญาณ ของผู้ที่จากไปแล้วนั้น ให้ยังมีชีวิตอยู่ต่อได้ อย่างปลอดภัยที่สุด แลก่อนที่จะมีพิธีเผาศพ ร่างของผู้ตายนั้นก็จะถูก นำไปวางไว้ที่กลางป่า ตรงบริเวณใกล้กระท่อม หรือที่อยู่ของหมอผี และจะทิ้งไว้ให้เน่าเปื่อย
30-45 วัน จึงเก็บร่างมาประกอบพิธี แล้วเก็บเถ้ากระดูกนั้น มาผสมกับซุปที่หมักขึ้นและผู้คนในชุมชนนั้น ก็จะจะมาล้อมวงชุมนุมกัน จากนั้นเวียนดื่มซุปกัน ที่ถูกตักใส่ภาชนะ ที่ทำมาจากน้ำเต้า เป็นวัฒนธรรมทั่วโลก ที่หาดูได้ยากมาก และอาจจะไม่มีแล้วในปัจจุบัน
วัฒนธรรมน่าสนใจ วัฒนธรรมชื่อดัง ของประเทศญี่ปุ่นที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ยุคศตวรรษ
วัฒนธรรมญี่ปุ่น ที่มีมาอย่างยาวนาน หลายคนอาจไม่รู้จักกับ อิเคบานะ ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบ ทางวัฒนธรรมสืบทอด กันมาตั้งแต่ยุคศตวรรษ และเป็นวัฒนธรรมที่ ยังคงรักษาตัวตน ที่อยู่ในช่สงการเปลี่ยนแปลง ของยุคสมัยมาหลายร้อยปี คงไม่ได้มีเพียงแค่ผู้คน ที่สืบทอดต่อกันมา แต่กต้องยอมรับเลยว่า คนที่ปรับและสามารถ
ประยุกต์วัฒนธรรมเหล่านี้ ก็มีส่วนสำคัญมากด้วย โดยจะเป็นการจัดดอกไม้ ในรูปแบของบอิเคบานะ จะไม่ได้มีเพียงลักษณะ แบบดั้งเดิมเพียงเท่านั้น แต่เมื่อเวลาได้ผ่านไป ก็ได้ถูกคนรุ่นใหม่ ให้ความหมานที่ แตกแขนงออกไปเป็นลักษณะ การตีความนั้นก็จะต้อง อาศัยความเข้าใจแบบดั้งเดิมก่อน วัฒนธรรมญี่ปุ่นชนิดนี้
จะอยู่ท่ามกลางสังคมญี่ปุ่น ที่เป็นวัฒนธรรมแบบ ชินโต Shinto เป็นวัฒนธรรมโบราณ โดยมีความเชื่อในลักษณะ ของพหุเทวนิยม polytheism คู่กับความเชื่อเชิงจิตวิญญาณ โดนพวกเขาเชื่อว่า เทพเจ้าสถิตอยู่ในทุกสิ่ง จะมีตั้งแต่ก้อนหิน ไปจนถึงดอกไม้
และสายลม โดยเทพเจ้านั้นก็คือทุกสิ่ง ที่อยู่ในธรรมชาติ และทุกสิ่งที่เป็นธรรมชาติ ก็คือเทพเจ้าด้วยเช่นกัน และในการจัดดอกไม้นี้ จะเป็นส่วนหนึ่งของ ความเชื่อในเรื่องของ การประสานสมดุล ระหว่างมนุษย์ที้งหมด ให้เขากับธรรมชาติ ซึ่งกิจกรรมนี้จะเริ่มต้น
เมื่อญี่ปุ่นได้รับอิทธิพล ของพุทธจากจีนเข้ามา และต้นกำเนิดนั่น เริ่มมาจากการจัดดอกไม้ เพื่อใช้ในการบูชาพุทธะ และได้เริ่มปรากฏการจำแนก ในรูปแบบการจัดดอกไม้ ในศตวรรษที่ 15
วัฒนธรรมน่ากลัว ของชาวSatere Mawe ที่ต้องพิสูจน์ความเป็นลูกผู้ชาย จะน่าตื่นเต้นเพียงใด?
ในทุกๆวัฒนธรรม และศาสนาทั่วโลก จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน แต่มันก็จะมีวัฒนธรรม อยู่ในทุกๆประเทศ ทุกๆพทันที่ก็ว่าขึ้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความเชื่อ ที่สืบทอดกันมายาวนาน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ มีวัฒนธรรมแปลกๆ และเป็นวัฒนธรรมอันตราย อาจถึงชีวิตก็จังมีให้เห็น ที่จะอยู่ในทั่วทุกมุมโลก ถึงมันอาจจะแปลก
และอันตรายแค่ไหน ก็ทำให้มีหลายๆคน ที่ไม่อยากเชื่อว่า และวัฒนธรรมเหล่านี้ ก็มีอยู่บนโลกจริงๆ เราจะมานำเสนอวัฒนธรรม ที่น่ากลัวเป้นอย่างมาก และเชื่อว่สมีหลายๆคนที่ ยังไม่เคยเห็นมาก่อนแน่นอ กับวัฒนธรมมนี้ ถุงมือมดกระสุน หลายคนอาจจะงงว่า วัฒนธรรมนี้มันคืออะไร เป็นวัฒนธรรมที่เด็กชาย ของ
ชาวอะเมซอนนั้นต้องมีการ พิสูจน์ความเป็นลูกผู้ชาย เมื่อพวกมีอายุตามที่กำหนด โดยที่เด็กชายเหล่านั้นจะต้อง สวมถุงมือสานที่เต็มไปด้วย มดกระสุนที่มีพิษอันตราย และพวกเขาต้องสวมถุงมือ จากนั้นจะต้องเต้นโดยใช้เวลา 10 นาที แค่คิดก็เสียวแทนแล้ว แต่ในน่ากลัวยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากพวกเขาต้องทำ เช่นนี้
เกินกว่า 20 ครั้งใน 1 ชีวิตของเขา ซึ่งในวัฒนธรรมต้ากลัวนี้ ได้มาจากชาว Satere Mawe แต่ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ที่เด็กๆในชนเผ่าจะต้อง สวมถุงมือแล้วพวกเขา กผ้ต้องไปจับมดมาจาก ป่าแอมะซอนมาใส่เองด้วยอีก โดยที่มดในแต่ละตัวนั้น จะต่อยเจ็บกว่าผึ้ง ประมาณ 30 เท่าเลยก็ว่าได้
วัฒนธรรมน่าทึ่งของชนเผ่าเมารีโบราณและการโชว์ความดุร้าย
อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่า วัฒนธรรมในแต่ละประเทศ ก็จะมีความแตกต่างกัน เหมือนกับวัฒนธรรมไทย ที่จะใีความแตกต่างกัน ในแต่บะจังหวักแต่ละพื้นที่ ขึ้นอยู่กับความเชื่อของเขา และอาจเป็นการสืบทอด วัฒนธรรมของพวกเขาด้วย หนึ่งในวัฒนธรรมนิวซีแลนด์ ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ นั้นก็คือการเต้น ฮากา Haka
เดิมทีการเต้นฮากานี้ จะเป็นของชนเผ่าเมารีโบราณ โดยที่พวกเขาจะเต้นในเวลา ที่พวกเขาได้ออกสนามรบ ซึ่งจะมีด้วยกัน 2 เหตุผล และเหตุผลแรกก็คือเพื่อเป็นการโชว์ความดุร้าย และพลังของพวกเขาทที่มี และยังรวมไปถึง การรวมเป็นหนึ่งเดียว ของคนในชนเผ่านี้ ซึ่งจะเหมือนกับเป็นการ ขู่เเละท้าทายฝ่ายตรงข้าม
ให้เกิดความหวาดกลัว และต่อมาจึงได้กลายเป็น ธรรมเนียมในทีมรักบี้ ของประเทศนิวซีแลนด์ โดยพวกเขาจะเต้นฮากา ในสนามก่อนลงแข่งขัน และในท่าทางของการเต้นนั้น ก็จะมีทั้งการกระทืบเท้า ลงพื้นอย่างรุนแรงมาก และจะแลบลิ้นออกมา โดยให้ทำหน้าตาดุดัน ซึ่งจะเหมือนกับการท้าทาย ฝ่ายตรงข้ามด้วยการเต้น
และเสียงโห่ร้องตะโกน ในระหว่างที่พวกเขาเต้น เพื่อแสดงถึงความฮึกเหิม และยังเป็นเหมือนการ เรียกขวัญและกำลังใจในการรบ โดยที่พวกเขานั้นเชื่อกันว่า ในการที่โห่ร้องตะโกนนั้น เป็นการร้องขอให้เทพเจ้า ช่วยให้พวกเขานั้นมามารถ
เอาชนะในสงครามครั้งนี้ได้ และในการเต้นฮากา ของประเทศนิวซีแลนด์นั้น สามารถพบได้ในโอกาส ที่แตกต่างกันออกไป ส่วนมากจะใช้ในโอกาส ในการแต่งงาน งานวันเกิด งานศพ เพื่อเป็นการต้อนรับ แขกคนพิเศษที่มาร่วมงาน
วัฒนธรรมน่าสนใจของชาวจีนที่ได้สืบทอดกันมาอย่างยาวนานจนมาถึงในปัจจุบัน
วัฒธนธรรมจีน จะแบ่งออกเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยที่ชาวจีนทักทายกัน โดยการจับมือและจะกล่าวคำว่า หนี หาว เหมือนกับการสวัสดีว่า และในการเรียกชื่อของคนจีน ก็จะเรียกนามสกุลว่า แซ่ ก่อนและตามด้วยคำว่า เซียน เซิง และสำหรับผู้ชายถ้าหากว่า ทราบตำแหน่งก็จะเรียก นามสกุลตามด้วยตำแหน่ง
จึงจะเป็นการเหมาะสมที่สุด และสำหรับผู้หญิงที่อายุน้อย ไม่ว่าจะเป็น พนักงานเสริฟ พนักงานโรงแรม ก็อาจจะเรียกว่า ฝู อู้ เยวียน หรือ เหมย นวี่ และควรเลี่ยงไม่ใช้คำว่า ถง จื้อซึ่งมันมีความหมายว่า สหาย ซึ่งจะถือว่าล้าสมัย และคำว่า เสียว เจี่ย ในปัจจุบันนี้มันมีความหมาย ที่อาจจะแฝงเชิงลบ และการพูดคุยนับญาติจีน
ซึ่งมีการระบุว่าสมัยโบราณนั้น เผ่าไทยได้เคยไปอยู่ ทางตอนใต้ของประเทศจีน และถูกรุกรานจนต้องถอยร่นลงมา อยู่ในแหลมสุวรรณภูมิในปัจจุบัน และอาจเกิดความสับสน และจะไม่สร้างความรู้สึก ให้กับผู้ร่วมหรือผู้สนทนา และในวัฒนธรรมของจีน ในเรื่องของการแต่งกาย ในการเข้าไปชมสถานที่โบราณ หรือสถานที่ที่มีความสำคัญ
ของทางด้านศาสนาของจีย ไม่ว่าจะเป็น วัด ก็ควรที่จะสำรวม เหมือนกับประเทศไทยเรา และควรระมัดระวังข้อกำหนด ที่เกี่ยวกับการห้ามถ่ายภาพ ในบางสถานที่นั่นๆด้วย และยังมีอีกมากมาย ที่เป็นวัฒนธรรมของจีน ที่จะมีความแตกต่าง ไปจากประเทศอื่นๆทั่วโลก ไม่ว่สจะอาหารการกิน หรือการเป็นอยู่ก็ตาม