วัฒนธรรมชาวจีน วัฒนธรรมและประเพณีในการแต่งงานแบบชาวจีนที่ได้ปฎิบัติกันมาอย่างยาวนานจะมีพิธีการอย่างไร?
วัฒนธรรมชาวจีน ในแต่ละประเทศแต่ละพื้นที่ จะมีวัฒนธรรมเก่าแก่ ที่มีความแตกต่างกันออกไป และในวันนี้เราจะพาทุกท่าน มาทำรวามรู้จักกับวัฒธนธรรม ของประเทศจีนหับวัฒนธรรม การแต่งงานในแบบของชาวจีน โดยในการแต่งงานแบบจีนนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องของการตักเตรียม สิ่งของให้พร้อมสำหรับวันงาน
เหมือนกับการแต่งงานบ้านเรา แต่ในประเทศจีนนั้นจะอยู่ที่ การให้เกียรติของผู้ใหญ่ 2 ฝ่าย และในการแต่งงานของจีน ควรที่จะถามทางญาติผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าหากว่าทางฝ่ายหญิงมีอาม่า ก็จะมีธรรมเนียมค่าน้ำนม หรืออั่งเปาน้ำนมเนื่องจาก ที่เคยช่วยเลี้ยงหลานมา หรือทางญาติผู้ใหญ่อจากเห็นอะไร ก็จะต้องทำตามที่พวกเขาต้องการ
ในการทำตามญาติผู้ใหญ่นั้น ในการแต่งงานของจีนนั้น เนื่องจากการที่คนสองคนแต่งงานกัน จะไม่ได้แต่งงานแค่สองคน แต่มันจะรวมไปถึงครอบครัว ของทั้ง 2 ฝ่านเข้าด้วยกัน ซึ่งชาวจีนทุกคนจะถูกสอน ให้มีความผูกพันและกตัญญู กับผู้ใหญ่โดยที่จะทำอะไร ก็ควรปรึกษาญาติผู้ใหญ่ และในส่วนของฤกษ์ ที่จะกำหนดวันจัดงานแต่ง
ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก ถ้าหากว่าได้ฤกษ์จัดงานแล้ว ผู้ชายก็จะมีการส่งข่าวไปยังผู้หญิง เพื่อให้ทราบถึงวันตัดผม ตัดชุดแต่งงาน วันไหนเวลาอะไร วัฒนธรรมทั่วโลก และก่อนจะเข้าพิธีแต่งงาน ตามธรรมเนียมโบราณของจีน ฝ่ายเจ้าสาวต้องเตรียมข้าวของ ที่จะต้องใช้ ในวันออกเรือน โดยที่เจ้าสาวจะไปพร้อมกระเป๋า
ที่อีกแน่นไปด้วยเสื้อสวยๆ ไว้ใส่สำหรับเริ่มชีวิตใหม่ รวมไปถึงหีบใส่เครื่องเพชร เครื่องทองติดแผ่นหัวใจสีแดง ซึ่งเป็นของขวัญจากพ่อแม่ และจะต้องมีเครื่องใช้ส่วนตัว และนอกจากนี้เจ้าสาวจะต้องมี เอี๊ยมแต่งงานที่ทำมาจากผ้าแพร ที่เป็นสีแดงกลายที่สวยงาม
วัฒนธรรมชาวจีน วัฒนธรรมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมากว่า 3,000 ปีเพื่อให้เกิดความสิริมงคลให้มีความเจริญรุ่งเรืองแก่ตนเองและครอบครัวจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร?
เรามาต่อกันที่ วัฒนธรรมโบราณ ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมากว่า 3,000 ปี ซึ่งมีตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจว นั่นก็คือวัฒนธรรมการไหว้เจ้าของจีน ในการไหว้เจ้านั้นถือว่าเป็น ประเพณีที่ชาวจีนจึดถือประพฤติ เพื่อให้มีความสิริมงคล และทำให้ความสุขความรุ่งเรือง ให้แก่ครอบครัว และตัวเอง และรวมไปถึงกิจการต่างๆ โดยที่ชาวจีนนั้นจะความเชื่อ
ที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน โดยในปีหนึ่งนั้นมีสิ่งเลวร้าย หรือเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้น ที่จะทำให้การดำเนินชีวิตของเรา มีอุปสรรคต่างๆมากมาย ไม้ว่าจะเป็นการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือการงานที่มีความติดขัด ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ ถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติ จึงทำให้ก่อวัฒนธรรมประเพณี ในการไหว้เจ้าหรือ ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และรวมไปถึง
การไหว้บรรพบุรุษ ที่ถือว่าเป็นธรรมเนียมประเพณี ที่ชาวจีนปฏิบัติสืบทอดกันมาจามนาน ตามความเชื่อของพวกเขา ที่จะต้องไหว้เจ้าที่และ การไหว้บรรพบุรุษเพื่อให้ตัวเอง มีความเป็นสิริมงคล โดยในปีหนึ่งปีก็จะมีการไหว้เจ้าถึง 8 ครั้ง
โดยในการไหว้เจ้าทั้ง 8 ครั้งนั้น ชาวจีนจะเรียกกันว่า โป๊ยโจ่ย โป๊ย คือ 8 โจ่ย ที่มีความหมายว่า เทศกาลโป๊ยโจ่ย โดยในการ ไหว้เจ้าแบบพิเศษ ที่นอกเหนือจะขึ้นอยู่กับ ศรัทธาของแต่ละครอบครัว วัฒนธรรมต่างประเทศ ซึ่งในการไหว้เจ้าที่และ
การไหว้บรรพบุรุษนั้นจะต้องมี เครื่องเซ่นไหว้เจ้าที่ที่จะจัดเป็นชุด และเครื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษ จะต้องจัดแยกอีกชุดต่างหาก ในการไหว้จะไหว้ในตอนเช้า และจะต้องไหว้เจ้าที่ก่อน จากนั้นจึงจะตไหว้บรรพบุรุษ ที่จะประกอบไปด้วยของคาว ของหวาน ผลไม้ รวมไปถึงเครื่องดื่ม
วัฒนธรรมประเพณีของชาวจีนที่ปฎิบัติกันทั่วโลกที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีกับเทศกาลตรุษจีน
ทุกท่านรุ้จักกันเป็นอย่างดีกับ ตรุษจีน เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ หรือ วันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติ จะถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ และเป็นประเพณีของชาวจีน ทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่ และชาวจีนทั่วทั้งโลก โดยเทศกาลตรุษจีนนั้น จะเริ่มต้นในวันที่ 1 เดือน 1 ในแต่ละปีที่ตรงตามจันทรคติ และจะไปสิ้นสุดเมื่อวันที่ 15 โดยในวันตรุษจีนนั้นก็จะมี
การเฉลิมฉลองของชาวจีนทั่วโลก ถ้าหากว่าเป็นเชื้อสายจีนขนาดใหญ่ วันตรุษจีนจะถือเป็นวันหยุดที่ มีความสำคัญเป็นอย่างมาก และยังควมไปถึงการฉลองปีใหม่ ของอีกหลากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นที่ ญี่ปุ่น เวียดนามเกาหลี เมี่ยน ม้ง มองโกเลีย ทิเบต เนปาล สำหรัวตรุษจีน ในประเทศไทยไทยเรานั้น ชาวไทยทึ่ทีเชื้อสายจีน
ก็จะมีวัฒนธรรมและประเพณี ที่ปฏิบัติกันอยู่ 3 วันด้วยกัน นั่นก็คือวันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว โดยในวันจ่ายจะเป็นวันก่อนวันสิ้นปี ซึ่งชาวไทยเชื้อสายจีนทุกคน จะต้องซื้ออาหารผลไม้และ รวมไปถึงเครื่องเซ่นไหว้ วัฒนธรรมน่าสนใจ โดยในช่วงตอนค่ำก็จะมีการ จุดธูปเพื่อเป็นอัญเชิญเจ้าที่ และในวันไหว้นั่นก็คือ วันสิ้นปีโดยจะมีการไหว้ 3 ครั้ง
ซึ่งในตอนเช้ามืดก็จะมีการ ไหว้ไป่เล่าเอี๊ย ซึ่งเป็นการไหว้เทพเจ้า ในช่วงตอนสายๆก็จะไหว้ ไป่แป๋บ้อ จะเป็รการไหว้บรรพบุรุษ และในตอนบ่ายก็จะไหว้ ไป่ฮ่อเฮียตี๋ จะเป็นการไหว้ผีพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว และในวันเที่ยว หรือ วันถือนั่นก็คือวันขึ้นปีใหม่
วัฒนธรรมในเรื่องของการกินที่ชาวจีนทุกคนต้องถือปฎิบัติกันในทุกๆปีกับการกินเจ
วัฒนธรรมของจีนที่ จะปฎิบัติกันในทุกๆปี ทึ่ปฎิบัติกันมาอย่างยาวนาน นั่นก็คือใัฒนธรรมการกินเจ หรือเทศกาลกินเจ ตามหลักแล้วจถือว่าเป็น ช่วงเวลาแห่งการไว้ทุกข์ 10 วัน เพื่อให้แก่คน 9 คน โดยจะชาวฮั่นที่ได้มีการปฏิวัติ และต่อต้านพวกแมนจู แต่ก็ไม่สามารถทำสำเร็จ จึงทำให้พลากเขาได้ถูกประหาร ด้วยการตัดคอจากนั้น
ก็ถูกนำโยนลงสู่แม่น้ำ จึงทำให้ชาวจีนให้การยกย่อง ให้ชายทั้ง 9 เป็นเจ้าแห่งเทศกาลกินเจ และเมื่อมาถึงเทศกาลกินเจ ชาวจีนก็จะมีการไว้ทุกข์ ให้บุคคลทั้ง 9 คนนี้ โดยจะไม่ตรงกันทุกปี ถ้าตามปฏิทินของประเทศไทย วันแรกของกินเจนั้น ก็จะตรงกับวันสุดท้ายของเดือน 8 ถ้าหากว่านับจากปฏิทินของจีน เทศกาลกินเจก็จะตรงกันในทุกๆปี
วัฒนธรรมไทย ซึ่งในการกินเจจะมีการ กำหนดวันตามจันทรคติ โดยจะเริ่มต้นตั้งแต่วัน ขึ้น 1 ค่ำ ถึง ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนในทุกๆปี โดยจะมีจุดเริ่มต้นจากประเทศจีน ที่มีมาอย่างยาวนานมาก โดยมีตำนานได้มีการเล่า กันมาหลากหลายตำนาน
ไม่ว่าจะเป็น
ตำนานในจีนกินเจที่ถือว่า เป็นการบำเพ็ญกุศลเพื่อเป้นการ รำลึกถึงวีรชน 9 คน หรือที่เรียกกันว่า หงี่หั่วท้วง หรือว่าจะป็นการทำพิธีกรรม เพื่อเป็นการบูชาพระพุทธเจ้า ในอดีตกาลทั้ง 7 พระองค์ และรวมไปถึงพระมหาโพธิสัตว? 2 พระองค์ โดนรวมเป็น 9 พระองค์ด้วยกัน และอีกหลากหลายตำนาน
วัฒนธรรมของชาวจีนที่เรียกว่า จงชิว ที่แปลว่า กลางฤดูใบไม้ร่วง เพื่อระลึกถึงเทพธิดาแห่งพระจันทร์
อีกหนึ่งวัฒธรธรรมของจีน ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากอย่าง วัฒนธรรมไหว้พระจันทร์ หรือเทศกาลไหว้พระจันทร์ ซึ่งถือว่าเป็นเทศกาลของ ชาวจีนที่มีมาอย่างช้าน่น ซึ่งปกติจะมีวันเพ็ญ เดือน 8 ในช่วงเดือนกันยายน หรือในเดือนตุลาคม โดยจะมีจัดขึ้นในช่วง กลางฤดูใบไม้ร่วง โดยชาวจีนจะเรียกกัรว่า จงชิว Zhong Qiu
ที่มีความหมายว่า กลางฤดูใบไม้ร่วง วัฒนธรรมนี้จะเป็นการระลึกถึง เทพธิดาแห่งพระจันทร์ โดยชาวจีนจะเชื่อกันว่า จะเป็นกำเนิดขึ้นในวันนี้ ของเทศกาลไหว้พระจันทร์ ปกติจะจัดขึ้นในวันที่ 15 หรือ วันเพ็ญ เดือน 8 วัฒนธรรมยุโรป โดยที่ทางประวัติศาสตร์ ในเรื่องเกี่ยวกับจุดเริ่มต้น ของเทศกาลไหว้พระจันทร์นี้
ยังไม่มีปรากฏที่แน่ชัด บางท่านก็ว่ากันว่าจักรพรรดิ์วู แห่งราชวงศ์ฮั่นเป็นผู้เริ่มต้น ในการฉลองเพื่อเป็นการ กราบไว้พระจันทร์ โดยจะไหว้เป็นเวลา 3 วัน ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง แต่ในความจริงแล้วนั้น ได้มีกทรเกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 1911 จะเป็นในช่วงที่มองโกล ได้มายึดครองจีน และยังมีนิทานและตำนาน อีกหลายเรื่องที่เกี่ยวกับ
นางเสี้ยงหงอ ที่เป็นหญิงที่มีความสวยงาม โดยที่หลังจากที่เธอได้มีการ ทานวิเศษเข้าไปเธอก็เหาะขึ้นไปอยู่บนพระจันทร์ และเธอได้กลายเป็นอมตะ หลังจากที่เธอได้ดื่มน้ำ อมฤตของเทพธิดาบนสวรรค์ โดยมึการกันว่านางจันทรเทพธิดา ได้มีการพรมน้ำอมฤต ลงมายังบนพื้นโลก และนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง แก่ชาวไร่ชาวนา
